ถาม ขอทราบประวัติโรงเรียน?
ตอบ โรงเรียนเปิดทำการเรียนการสอนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 โดยผู้ก่อตั้งและผู้รับใบอนุญาต คือ อาจารย์ อันวิดา อภิจารี จบการศึกษาด้านการศึกษาปฐมวัย B.Ed.Early Childhood Education และการบริหารการศึกษา M.Ed School Management จากรัฐวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย มีประสบการณ์การสอนในประเทศออสเตรเลียและโรงเรียนนานาชาติ ในประเทศไทย โดยโรงเรียนผ่านการตรวจมาตรฐานการศึกษาคุณภาพด้านตัวเด็กในระดับ ”ดีมาก” จาก สมศ. (สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาองค์การมหาชน) และด้วยผลสัมฤทธิ์ในตัวเด็ก ความโดดเด่นด้านวิชาการและกิจกรรมการเรียนการสอนจึงได้สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ปกครองที่จะส่งบุตรธิดามาศึกษาที่โรงเรียนแห่งนี้มาตลอดระยะเวลากว่า 17ปี
ถาม สัดส่วนการรับนักเรียนต่อห้อง?
ตอบ ในระดับเตรียมอนุบาล ครู 2 ท่าน /ครูพี่เลี้ยง 1 ท่าน ต่อเด็ก 21 คน
ในระดับอนุบาล 1-3 ครู 2 ท่าน ต่อเด็ก 25 คน
ในระดับประถม 1-6 ครูประจำชั้น และครูประจำวิชา เด็ก 25 คน
ถาม คุณครูจบการศึกษาอะไรมา?
ตอบ คุณครูประจำชั้นทุกท่าน จบการศึกษาอย่างน้อยปริญญาตรีครุศาสตร์เอกปฐมวัยหรือประถม หรือจบหลักสูตรวุฒิบัตรครุศาสตร์ ครูทุกท่านมีใบประกอบวิชาชีพครู หรือ/และมีประสบการณ์ ครูคู่ชั้นจบปริญญาตรีทุกท่านมีประสบการณ์และมีใจรักเด็ก สามารถร่วมสอนและดูแลด้านร่างกายสุขอนามัยของเด็กทุกคน นอกจากนี้ทางโรงเรียนยังเน้นให้คุณครูใฝ่หาความรู้ เพื่อพัฒนาคุณภาพของการสอนด้วยการจัดการอบรม โดยเชิญวิทยากรผู้เชี่ยวชาญและเดินทางศึกษาดูงานตามหน่วยการเรียนรู้ต่างๆที่จะสอนนักเรียน
ถาม โรงเรียนสอนแนวไหน?
ตอบ แนวการสอนมีความโดดเด่นทางด้านวิชาการ โดยมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเด็กทั้ง IQ และ EQ โดยมีลักษณะการสอนแบบบูรณาการวิชาการคือ ผสมผสานกิจกรรมกับวิชาต่างๆเข้าด้วยกัน ในแต่ละวิชาจะมีทักษณะวิชาอื่นๆผสมผสานอย่างลงตัว โรงเรียนเน้นการสอนที่ลงมือปฏิบัติจริง ฝึกทักษะด้านความเป็นผู้นำ กล้าแสดงออกและสนับสนุนการคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์ ให้โอกาสนักเรียนสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ หาเหตุผล ฝึกการทำงานกลุ่มเพื่อให้นักเรียนรู้จักเคารพความเห็นที่แตกต่าง รู้จักควบคุมอารมณ์ตนเองเพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข
อนุบาล : ในแต่ละสัปดาห์คุณครูจะแนะนำ “หัวข้อการเรียนรู้” ของแต่ละสัปดาห์เช่น สัตว์ป่า, วงจรชีวิตกบ, รุ้งเจ็ดสี ซึ่งจะช่วยปูพื้นฐานทางความรู้รอบตัว คุณครูจะตั้งคำถามของ หัวข้อนั้นๆเพื่อเปิดโอกาสให้เด็กๆร่วมสนทนาและแบ่งปันประสบการณ์ และนำไปสู่รูปแบบการสอนที่มีการเชื่อมโยงระหว่างวิชา ทุกหัวข้อการเรียนรู้มีวิชาที่เกี่ยวข้องในการเรียนมากกว่า 2 วิชาซึ่งสร้างความน่าสนใจในวิชาต่างๆและจะกระตุ้นให้ผู้เรียนคิดได้กว้างและลึกซึ้งมากขึ้นนักเรียนจะได้เห็นความสำคัญของวิชาต่างๆ ค้นพบวิธีบูรณาการความรู้เข้าด้วยกันและเชื่อมโยงสิ่งที่ตนเองเรียนรู้ไปสู่การนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
ประถม : มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ด้านวิชาการ STEAM และทักษะด้านภาษาอังกฤษ ฝึกทักษะการทำงานจริง ปลูกฝังให้รู้จักการคิดค้นและค้นหาข้อมูล รายงานผลทำงานเป็นทีม และคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์ มีความทันสมัยเพื่อตอบสนองต่อโลกในอนาคต
ถาม โรงเรียนใช้หลักสูตรอะไร?
ตอบ อนุบาลใช้หลักสูตร English Program และประถม Trilingual Programme
อนุบาล : โรงเรียนพัฒนาหลักสูตรประจำสถานศึกษาที่อิงจากหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของกระทรวงศึกษาธิการส่งเสริมศักยภาพทางด้านร่างกาย สังคม จริยธรรม คุณธรรม อารมณ์จิตใจและสติปัญญาโดยมีจุดประสงค์การเรียนรู้ของแต่ละกลุ่มสาระอย่างชัดเจน ได้แก่ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ ความรู้รอบตัว เชาวน์ปัญญา พละ ศิลปะ และดนตรี โดยบูรณาการความรู้ที่เรียนมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ปลึกฝังให้นักเรียนเป็นผู้รักการอ่านเขียน มีความเชื่อมั่นในตนเอง กล้าคิดและกล้าแสดงออกอย่างเหมาะสม
ประถม : ในระดับชั้นประถมศึกษา โรงเรียนพัฒนาหลักสูตรโดยมุ่งเน้นทักษะ STEM ซึ่งเป็นการสอนแบบบูรณาการข้ามกลุ่มสาระวิชา (Integration) ระหว่าง ศาสตร์สาขาต่างๆ ได้แก่ Science: S, Technology: T, Engineer: E, และ Mathematics: M นำสาระของแต่ละวิชามาผสมผสานกันอย่างลงตัว เพื่อให้ผู้เรียนนำความรู้ทุกแขนงมาใช้ในการแก้ปัญหา การค้นคว้า และการพัฒนาในสถานการณ์โลกปัจจุบัน เพราะในการทำงานจริงนั้นต้องใช้ความรู้หลายด้าน
Science (S) :
ทักษะกระบวนการสืบเสาะ (Inquiry-based Science Teaching) โดยจัดกิจกรรมการสอนแบบแก้ปัญหา(Scientific Problem-based Activities)
Technology (T) :
เน้นกระบวนการแก้ปัญหา ปรับปรุง พัฒนาสิ่งต่างๆ โดยผ่านกระบวนการที่เรียกว่า Design Process
Engineer (E) :
ทักษะการคิด สร้างสรรค์ พัฒนานวัตกรรมต่างๆโดยใช้ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี
Art (A) :
ความคิดสร้างสรรค์
Mathematics (M) :
ทักษะกระบวนการคิด การเปรียบเทียบ การจำแนก/จัดกลุ่มการ และใช้ภาษาคณิตศาสตร์ ถ่ายทอดความคิดความเข้าใจความคิดรวบยอด เช่น มากกว่า น้อยกว่า เล็กกว่า ใหญ่กว่า ฯลฯ
ถาม โรงเรียนมีการประกันคุณภาพการศึกษาอย่างไร?
ตอบ โรงเรียนได้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพโดยสมศ และได้รับคะแนนระดับ “ดีมาก” ทุกปีการศึกษา
ถาม โรงเรียนสื่อสารอย่างไรกับผู้ปกครองบ้าง?
ตอบ
- Videoปฐมนิเทศ ทางโรงเรียนได้จัดให้มีการส่งคลิปวีดีโอปฐมนิเทศให้ผู้ปกครองใหม่ทุกปีการศึกษา เพื่อให้ผู้ปกครองได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบาย กฎระเบียบ แนวทางการสอน โดยผู้ปกครองสามารถส่งข้อสงสัยมายังอีเมล
- Weekly Review: ในวันศุกร์คุณครูส่งสื่อสารผ่านระบบ Google Classroom เพื่อชี้แจง เกี่ยวกับเนื้อหากิจกรรมการเรียนการสอนประจำสัปดาห์และพฤติกรรมของนักเรียน ผู้ปกครองสามารถส่งข้อความสื่อสารกับคุณครูผ่านระบบ Google Classroom ได้ทุกวัน
- E-mail: ห้องธุรการใช้วิธีสื่อสารโดยส่งอีเมลถึงผู้ปกครอง ขอให้ผู้ปกครองแจ้งที่อยู่อีเมลที่ถูกต้องและกรุณาเช็คอีเมลสม่ำเสมอ
- Line Group: ทุกห้องเรียนจะมี Line Group เพื่อให้ผู้ปกครองได้รับข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว
ถาม การสอนให้เด็กอนุบาลอ่านเขียนจะไม่เครียดเกินไปสำหรับเด็กวัยนี้หรือ?
ตอบ - ทางโรงเรียนเชื่อมั่นว่า เด็กเรียนรู้ได้เมื่อมีความสุข หากเด็กรู้สึกสนุกและมีความสุขกับสิ่งที่เรียนเด็กวัยอนุบาลก็สามารถเรียนรู้ได้ไว และถือว่าเป็นทักษะอ่านออกเขียนได้เป็นพื้นฐานที่ดีในการต่อยอดในระดับประถม การที่เด็กสามารถอ่านและเขียนได้นั้นเด็กจะมีความพร้อมซึ่งทำให้เด็กเกิดความภาคภูมิใจและเชื่อมั่นในตนเอง ส่งเสริมให้เด็กมีความเป็นผู้นำ การจัดสภาพแวดล้อมทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียนให้เอื้อต่อกิจกรรมอ่านเขียนจึงมีความสำคัญ เช่น การติดป้ายสัญลักษณ์ต่างๆให้เด็กได้อ่าน มุมขีดเขียน มุมอ่านนิทาน ทุกๆวันคุณครูจะอ่านนิทานให้เด็กๆฟัง และเด็กๆจะเลือกหนังสือนิทานที่เหมาะสมอ่านเองเป็นประจำ ในระดับชั้นอนุบาล 3 เด็กๆจะฝึกเขียนไดอารี่บอกเล่าเรื่องราวของตนเอง ฉะนั้นการอ่านและเขียนของโรงเรียนจึงเป็นการอ่านเขียนที่มาจากสิ่งที่เด็กสนใจและเขียนจากจินตนาการ (Creative Writing)
ถาม ถ้าเด็กยังช่วยเหลือตนเองไม่ได้ยังใช้ขวดนมใส่ผ้าอ้อมและยังไม่ยอมทานอาหารเองจะสามารถมาโรงเรียนได้หรือไม่?
ตอบ หากเด็กยังไม่ได้รับการฝึกจากที่บ้านก็สามารถมาโรงเรียนได้ค่ะ คุณครูผ่านประสบการณ์ในการฝึกฝนเด็กๆมาหลายรุ่น ในห้องเรียนมีคุณครูประจำชั้น ครูผู้ช่วยและพี่เลี้ยงคอยดูแลเด็กๆอย่างทั่วถึง เพื่อให้แน่ใจว่าเด็กๆได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด รับประทานอาหารอิ่มและครบหมวดหมู่และมีการจัดที่นั่งนักเรียนระหว่างรับประทานอาหาร โดยให้เด็กที่ไม่คุ้นเคยการจับช้อนส้อมหรือป้อนที่บ้านให้นั่งคู่กับเด็กที่ช่วยเหลือตนเองได้ดี เพื่อให้เด็กที่ต้องได้รับการฝึกฝนเลียนแบบพฤติกรรมเด็กที่ช่วยเหลือตัวเอง เมื่อเห็นคนอื่นๆจับช้อนส้อมรับประทานเองก็จะเริ่มทำบ้าง ส่วนการที่เด็กยังติดขวดนมนั้นหากได้มีการวางแผนว่าจะให้เด็กเข้าโรงเรียนควรเริ่มฝึกการดื่มจากกล่องหรือแก้ว ในช่วงเวลาเช้าและกลางวัน แต่ยังสามารถใช้ขวดนมเฉพาะช่วงนอนได้ค่ะ ทั้งนี้หากยังไม่สามารถฝึกได้สำเร็จจากที่บ้านไม่ต้องเป็นกังวลค่ะ ผู้ปกครองสามารถนำขวดนมและนมผงที่ตวงแล้ว มาโรงเรียนได้ค่ะ เมื่อเด็กๆเห็นเพื่อนดื่มนมจากกล่องและแก้ว เด็กๆจะอยากปฏิบัติเหมือนเพื่อนไปเองค่ะ กรณีที่ยังใช้ผ้าอ้อมผู้ปกครองไม่ต้องกังวลค่ะ เด็กสามารถมาโรงเรียนโดยใส่ผ้าอ้อมมาได้คุณครูจะคอยสังเกตพฤติกรรมน้อง เวลาต้องการปัสสาวะและถ่ายและจะเปลี่ยนผ้าอ้อมผืนใหม่โดยล้างทำความสะอาดและเช็ดให้แห้งทุกครั้ง เมื่อเด็กเริ่มหยุดร้องไห้จากการมาโรงเรียนวันแรกๆ คุณครูจะเริ่มพาเด็กๆเข้าห้องน้ำเป็นเวลาเพื่อปัสสาวะและเมื่อเด็กคุ้นเคยกับกิจวัตร ของการเดินเข้าห้องน้ำและเริ่มสื่อสารกับคุณครูคุณครูก็จะเริ่มถอดผ้าอ้อมออกจนในที่สุดเด็กไม่ต้องใส่ผ้าอ้อมอีกเลยค่ะ
ถาม เด็กอนุบาลร้องไห้มากในการมาเรียนครั้งแรก และจะร้องนานเท่าไหร่ ทางโรงเรียนจะดำเนินการอย่างไร เพื่อช่วยนักเรียน?
ตอบ เป็นเรื่องธรรมดาที่เด็กๆ จะร้องไห้เพราะต้องแยกจากบุคคลและสถานที่ที่มีความผูกพัน โรงเรียนจึงมีนโยบายให้นักเรียนใหม่ทุกคนเข้าเรียนหลักสูตรเตรียมความพร้อมประมาณ 1-2 เดือนก่อนเปิดภาคเรียน เนื่องจากระหว่างปิดภาคเรียนมีนักเรียนจำนวนน้อย จึงทำให้เด็กปรับตัวได้เร็วขึ้น ผู้ปกครองควรส่งนักเรียนตอนเวลาเมื่อเริ่มกิจกรรม โดยส่งนักเรียนให้คุณครูและบอกลาเด็กๆ ทุกครั้งโดยบอกว่าจะมารับเมื่อใด เพื่อไม่ให้เด็กเป็นกังวล เช่น กรณีเด็กเลิกครึ่งวัน ให้แจ้งว่าทานข้าวเสร็จพ่อแม่จะมารับ หรือกรณีเด็กเรียนเต็มวันให้แจ้งว่าตื่นนอนแล้วพ่อแม่จะมารับ โดยเฉลี่ยนักเรียนจะร้อง 1 ถึง 5 วันโดยจะร้องร้องหยุดหยุดตามช่วงเวลา บางคนร้องเฉพาะช่วงเช้าที่ผู้ปกครองมาส่งหรือเริ่มร้องในสัปดาห์ที่ 2 ของการมาโรงเรียนและบางคนไม่ร้องไห้เลย ทั้งนี้นักเรียนจะหยุดร้องไห้เร็วขึ้นหากทางโรงเรียนได้รับความร่วมมือจากผู้ปกครอง โดยปฏิบัติตามนโยบายไม่ให้ผู้ปกครองอยู่ดูแลนักเรียนในห้องเรียนหรือแอบดูเด็กๆ หน้าห้องเนื่องจากจะทำให้เด็กไม่เข้าร่วมกิจกรรมการเรียนการสอนไม่ปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนและครูในห้องเรียน เป็นเหตุ ให้เด็กๆปรับตัวได้ช้าคุณครูจะใช้การดูแลด้วยความรักและเอาใจใส่จัดกิจกรรมให้นักเรียนรู้สึกเพลิดเพลิน ได้แก่ การเล่านิทาน การเล่นสนาม ศิลปะเสรี เล่นกับสี ปั้นแป้งโดว์ เล่นเสรี ร้องเล่นเต้นรำ เป็นต้น
ถาม หากเด็กทำผิดทางโรงเรียนลงโทษเด็กอย่างไร?
ตอบ โรงเรียนใช้วิธี Time Out โดยแยกเด็กมานั่งสงบ หลังจากนั้นคุณครูจะพูดคุยกับนักเรียน โดยให้นักเรียนเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นและนักเรียนได้ทำอะไร คุณครูจะบอกว่าสิ่งที่นักเรียนทำก่อให้เกิดผลเสียอย่างไร และนักเรียนสามารถมีทางเลือกอะไรอีกบ้างในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ และในกรณีที่ทำเพื่อนเจ็บ นักเรียนจะต้องกล่าวขอโทษเพื่อน
ถาม นักเรียนอนุบาลที่จบจากโรงเรียนอันวิดาส่วนมากไปต่อประถม 1 ที่ไหน?
ตอบ จากประสบการณ์ของโรงเรียนที่ผ่านมา นักเรียนอนุบาลของโรงเรียนสามารถสอบแข่งขันเข้าโรงเรียนที่เป็นที่นิยม นักเรียนหลายคนสอบเข้าโรงเรียนดังๆได้ถึง 2-3 แห่ง บางคนสอบได้แต่ในที่สุดเลือกโรงเรียนใกล้บ้านเพื่อสะดวกต่อการรับส่ง โดยในปัจจุบันนักเรียนส่วนใหญ่เลือกศึกษาต่อที่ระดับประถมที่โรงเรียนอันวิดา เนื่องจากผู้ปกครองเห็นว่านักเรียนอยู่ในสังคมที่ดี แต่ละครอบครัวมีความใส่ใจในการเลี้ยงดูลูก และโรงเรียนสามารถดูแลนักเรียนได้ทั่วถึง นักเรียนมีกริยามารายาทดี พูดจาไพเราะ รวมถึงผู้ปกครองชื่นชอบการเรียนที่ได้ทั้งวิชาการและทำกิจกรรมควบคู่กันไปอย่างกลมกลืน
ถาม นักเรียนที่จะสมัครเข้าประถม ควรเตรียมพร้อมอย่างไร และผู้ปกครองจะทราบได้อย่างไรว่าโรงเรียนอันวิดาเหมาะสมสำหรับลูก
ตอบ นักเรียนที่ประสงค์จะสมัครเข้าระดับประถม ควรติดต่อเพื่อวัดประเมินความรู้ค่ะ เพื่อให้โรงเรียนได้ทราบว่าต้องเสริมในส่วนใดเพื่อให้นักเรียนมีความพร้อมสามารถเรียนร่วมกับเพื่อนๆได้ค่ะ นักเรียนควรมีพื้นฐานการเรียนภาษาอังกฤษ สามารถใช้หลัก Phonic ในการผสมคำในการอ่านและเขียนได้ หากผู้ปกครองได้วางแผนให้นักเรียนเข้าเรียนในระดับประถมที่โรงเรียนอันวิดาไว้แล้ว ทางโรงเรียนขอแนะนำให้นักเรียนเริ่มเข้าเรียนในระดับK2 หรือ K3 เพื่อปูพื้นฐานก่อนขึ้นระดับประถมค่ะ ท้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นฐานของนักเรียนเป็นรายบุคคลค่ะ
ถาม นักเรียนจะป่วยบ่อยไหมถ้ามาโรงเรียน?
ตอบ การป่วยของนักเรียนประกอบไปด้วยหลายปัจจัยค่ะ เช่นการเลี้ยงดู ควรให้เด็กได้โดนแดด วิ่งเล่นในสนามเลอะเทอะบ้าง เด็กที่อยู่บ้านไม่เคยไปโรงเรียนก็สามารถป่วยได้ เนื่องจากเชื้อโรคอยู่ในอากาศรอบๆตัวเราและ เนื่องจากนักเรียนเริ่มเข้าสู่วัยเรียนซึ่งเป็นสังคมใหญ่กว่าที่บ้าน จึงมีโอกาสพบเชื้อโรคได้ทั้งนี้หากนักเรียนป่วยควรพักผ่อนอยู่บ้านเพื่อไม่แพร่เชื้อให้เพื่อนๆ ผู้ปกครองควรสอนให้ลูกสั่งน้ำมูกได้ด้วยตนเอง ปิดปากเวลาไอ จาม และฝึกให้รู้จักการล้างมือเป็นนิสัย ทางโรงเรียนพบว่านักเรียนป่วยน้อยลงหรือไม่ป่วยเลยเมื่อใช้ชีวิตเป็นนักเรียนประมาณ 1 ภาคการเรียนค่ะ
ถาม อุณหภูมิแอร์ในห้องเรียนเป็นอย่างไร?
ตอบ ฤดูร้อน 20-24 องศา
ฤดูฝน 23-24 องศา
ฤดูหนาว 24-25 องศา เปิดหน้าต่างตามเวลาเหมาะสม
เนื่องจากนักเรียนอยู่ในห้องหลายคน มีการเคลื่อนไหวตลอด ฉะนั้นการปรับอุณหภูมิในห้องจึงแตกต่างจากการตั้งอุณหภูมิที่ผู้ปกครองเปิดให้ลูกที่บ้านค่ะ
ถาม ทางโรงเรียนมีมาตรการอย่างไรเมื่อถึงฤดูโรคระบาด?
ตอบ ในปัจจุบันโรคระบาดพบในเด็กวัยอนุบาลมากกว่าเด็กวัยประถม คือ มือเท้าปากและไข้หวัดใหญ่ ซึ่งจะพบในช่วงฤดูฝนและเมื่อเข้าฤดูหนาวจะพบว่านักเรียนบางคน อาจมีอาการอาเจียนและอุจจาระร่วง เชื้อโรต้า ซึ่งโรคทั้งหมดที่กล่าวมานี้สามารถเกิดกับเด็กที่ไม่เคยมาโรงเรียนเช่นกันเนื่องจากเชื้อเหล่านี้แฝงตัวอยู่ในอากาศ ทางโรงเรียนมีการคัดกรองวัดไข้ก่อนนักเรียนเข้าในอาคารเรียน ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อสเปรย์บนโต๊ะเรียน สเปรย์ฆ่าเชื้ออากาศในห้องเรียน ติดตั้งเครื่องกรองอากาศทุกห้อง ใช้แสง UV ในการฆ่าเชื้อของเล่นและของใช้ต่างๆ หมั่นพานักเรียนล้างมือ คุณครูใช้ถุงมืออนามัยทุกครั้งที่ทำความสะอาดให้นักเรียนในห้องน้ำ อาหารมีการเตรียมถูกหลักอนามัย ตักอาหารเมื่อนักเรียนพร้อมรับประทานเท่านั้น ไม่อนุญาตให้นักเรียนที่ป่วยมาโรงเรียนจนกว่าจะหายเป็นปกติและไม่รับป้อนยาค่ะ มาตรการเหล่านี้ช่วยลดการระบาดของโรคต่างๆได้ค่ะ
ถาม กรณีที่พบว่านักเรียนมีความบกพร่องทางร่างกายหรือและสงสัยว่ามีอาการบกพร่องทางพัฒนาการ?
ตอบ ทางโรงเรียนจะทำการประเมินและแจ้งให้ผู้ปกครองทราบ เพื่อให้ผู้ปกครองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและนำใบประเมินจากผู้เชี่ยวชาญมายื่นให้แก่โรงเรียน ในบางกรณีที่นักเรียนไม่สามารถนั่งเรียนร่วมกับเพื่อนๆได้ผู้ปกครองอาจต้องจัดหาพี่เลี้ยงมาประกบนักเรียนเพื่อความปลอดภัยและประเมินความพร้อมในการศึกษาร่วมกับโรงเรียน ขอให้ผู้ปกครองสังเกตบุตรหลานสม่ำเสมอ เช่น ไม่สบตา พูดคำเดิมซ้ำๆ ไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งง่ายๆได้ หรือไม่พูดในขณะที่อายุ 2 ขวบ
ถาม ในกรณีที่เป็น Waiting List จะทราบเมื่อไหร่ว่าได้ที่เรียนหรือไม่?
ตอบ กรณีนักเรียนจะเข้าภาคการเรียนที่ 1 จะทราบผลในเดือนธันวาคม และกรณีนักเรียนจะเข้าภาคเรียนที่ 2 จะทราบผลในเดือนกันยายน ทางโรงเรียนแนะนำให้ผู้ปกครองสมัครให้นักเรียน 1 – 2 ปีล่วงหน้าเนื่องจากโรงเรียนรับเด็กจำนวนไม่มากเพื่อให้สามารถดูแลนักเรียนได้ทั่วถึง
ถาม - ตอบ


ถาม ผู้ปกครองต้องเตรียมค่าใช้จ่ายใดๆอีกระหว่างนักเรียนศึกษาที่โรงเรียนอันวิดา?
ตอบ เสื้อกีฬาสี ประมาณ 250 บาท ชุดการแสดง ประมาณ 1,500 บาท บัตรชมการแสดงประมาณ 300-500 บาท ในระดับประถม 4-6 ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้แก่การเข้าค่ายลูกเสือ และทัศนศึกษา


ติดต่อเรา คลิกเลย!

ติดต่อเรา คลิกเลย !
